SEO สำหรับ WooCommerce

SEO สำหรับ WooCommerce เป็นเทคนิคการปรับแต่งร้านค้าออนไลน์ให้ติดอันดับบน Google เพื่อเพิ่มยอดขายแบบออร์แกนิก (Organic Traffic) โดยไม่ต้องเสียค่าโฆษณา


1. ตั้งค่าพื้นฐาน SEO ใน WooCommerce

1.1 ปรับโครงสร้างลิงก์ (Permalink) ให้เป็นมิตรกับ SEO

ไปที่ Settings → Permalinks แล้วตั้งค่าดังนี้

  • Product Permalink → เลือก Custom Base และใส่ /product/

  • Category Base → ใช้ /product-category/

ตัวอย่าง URL ที่ดี:
✅ example.com/product/iphone-15-pro
✅ example.com/product-category/smartphones


2. On-Page SEO สำหรับ WooCommerce

2.1 ค้นหาและใช้คีย์เวิร์ดที่เหมาะสม

ใช้เครื่องมือเช่น Google Keyword Planner, Ahrefs, Ubersuggest เพื่อค้นหาคำหลักที่ลูกค้าใช้ค้นหาสินค้า เช่น

  • “รองเท้าผ้าใบผู้ชาย ราคาไม่แพง” แทนที่จะใช้แค่ “รองเท้าผ้าใบ”

  • “มือถือกล้องสวย 2024” แทนที่จะใช้แค่ “มือถือกล้องสวย”

2.2 ปรับแต่ง Title, Meta Description และ URL

Title Tag: ซื้อ iPhone 15 Pro ราคาพิเศษ | ส่งฟรีทั่วไทย
Meta Description: ซื้อ iPhone 15 Pro ราคาถูก พร้อมโปรโมชั่นพิเศษ ส่งฟรีทั่วไทย รับประกันศูนย์ 1 ปี คลิกเลย!
URL: example.com/product/iphone-15-pro

2.3 ใช้ Structured Data (Schema Markup)

WooCommerce รองรับ Schema.org ซึ่งช่วยให้สินค้าปรากฏบน Google แบบ Rich Snippets (มีดาวรีวิว, ราคา, สต็อก)

  • ติดตั้งปลั๊กอิน Schema & Structured Data for WP & AMP

  • ตรวจสอบโค้ด Schema ด้วย Google Rich Results Test

2.4 เขียนคำอธิบายสินค้าให้ SEO-Friendly

✅ ใส่คีย์เวิร์ดอย่างเป็นธรรมชาติ
✅ ใช้ Bullet Points เพื่อให้อ่านง่าย
✅ เพิ่ม ตารางเปรียบเทียบ หรือ FAQ เพื่อให้ข้อมูลครบถ้วน

ตัวอย่างคำอธิบายสินค้า:
❌ ผิด: iPhone 15 Pro มีดีไซน์สวยงาม แบตอึด กล้องชัด
✅ ถูก: iPhone 15 Pro มาพร้อมหน้าจอ OLED 6.1 นิ้ว ชิป A17 Pro แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนาน และกล้อง 48MP ที่ให้ภาพถ่ายคมชัด รองรับการถ่ายวิดีโอ 4K

2.5 ปรับปรุงรูปภาพสินค้าให้โหลดเร็ว

  • ใช้ไฟล์ WebP แทน JPG/PNG

  • ตั้งชื่อไฟล์ภาพให้มีคีย์เวิร์ด เช่น iphone-15-pro-black.webp

  • ใส่ Alt Text เช่น iPhone 15 Pro สีดำ ราคาโปรโมชั่น

2.6 เพิ่ม Internal Linking & External Linking

✅ ลิงก์ไปยัง สินค้าที่เกี่ยวข้อง (Related Products)
✅ ลิงก์ไปยัง หมวดหมู่สินค้า
✅ ลิงก์ไปยัง รีวิวสินค้า หรือบทความในบล็อก


3. Technical SEO สำหรับ WooCommerce

3.1 ปรับปรุงความเร็วเว็บไซต์ (Page Speed Optimization)

  • ใช้ LiteSpeed Cache หรือ WP Rocket

  • ใช้ CDN เช่น Cloudflare

  • ลดขนาดรูปภาพด้วย Smush หรือ Imagify

3.2 ใช้ HTTPS และ SSL

Google ให้ความสำคัญกับเว็บไซต์ที่ปลอดภัย ควรใช้ SSL (https://) และตรวจสอบว่าไม่มีปัญหา Mixed Content

3.3 สร้าง Sitemap และ Robots.txt

ใช้ Yoast SEO หรือ Rank Math เพื่อสร้าง

  • Sitemap: example.com/sitemap_index.xml

  • Robots.txt: อนุญาตให้ Google Bot เข้า index หน้า product แต่ block /cart/ และ /checkout/


4. Off-Page SEO (สร้างความน่าเชื่อถือภายนอก)

4.1 สร้าง Backlinks จากเว็บคุณภาพ

  • รีวิวสินค้าใน เว็บบล็อก, YouTube หรือ Pantip

  • ฝากลิงก์ใน เว็บประกาศขายสินค้า

  • ทำ Guest Post กับเว็บที่เกี่ยวข้อง

4.2 ใช้ Social Media & Google My Business

  • แชร์สินค้าบน Facebook, Instagram, TikTok

  • ลงทะเบียนธุรกิจบน Google My Business เพื่อให้ร้านค้าปรากฏบน Google Maps


5. การวิเคราะห์และติดตามผล SEO

5.1 ใช้ Google Search Console เพื่อตรวจสอบอันดับ

  • ดูว่าหน้าไหนได้รับ คลิกจาก Google มากที่สุด

  • ตรวจสอบ คีย์เวิร์ดที่ติดอันดับ

5.2 ใช้ Google Analytics เพื่อตรวจสอบพฤติกรรมลูกค้า

  • ดูว่า สินค้าตัวไหนมีอัตรา Conversion สูงสุด

  • ตรวจสอบ Bounce Rate และปรับปรุง UX


6. เคล็ดลับ SEO WooCommerce เพิ่มเติม

สร้างบล็อก ที่ให้ข้อมูลสินค้า เช่น “5 มือถือกล้องสวยในปี 2024”
ใช้ Lazy Load เพื่อให้รูปภาพโหลดเฉพาะเมื่อเลื่อนลงมา
เพิ่มรีวิวสินค้า เพราะ Google ให้ความสำคัญกับ User-Generated Content


สรุปการทำ SEO สำหรับ WooCommerce

✅ ปรับ โครงสร้าง URL ให้ SEO-Friendly
✅ ใช้ คีย์เวิร์ด ใน Title, Meta, URL และคำอธิบายสินค้า
✅ ใส่ Schema Markup เพื่อให้สินค้าปรากฏบน Google แบบ Rich Snippets
✅ ปรับปรุง Page Speed โดยใช้ Caching และลดขนาดรูปภาพ
✅ ใช้ Google Search Console และ Google Analytics เพื่อตรวจสอบอันดับและพฤติกรรมลูกค้า
✅ โปรโมตร้านค้าผ่าน Backlinks, Social Media และ Google My Business

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *