การทำ SEO (Search Engine Optimization) มีหลายขั้นตอน ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก ๆ ได้แก่ On-Page SEO, Off-Page SEO, และ Technical SEO โดยรายละเอียดของแต่ละส่วนมีดังนี้
1. On-Page SEO (การปรับแต่งภายในเว็บไซต์)
เน้นการปรับปรุงโครงสร้างและเนื้อหาในเว็บไซต์ให้เหมาะสมกับการจัดอันดับของ Google
✅ การวิจัยคีย์เวิร์ด (Keyword Research)
- ใช้เครื่องมือเช่น Google Keyword Planner, Ahrefs, หรือ Ubersuggest
- เลือกคีย์เวิร์ดที่มี ปริมาณการค้นหาสูง และ คู่แข่งไม่มากเกินไป
- ใช้ Long-tail keywords (คีย์เวิร์ดยาว) เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายเฉพาะเจาะจง
✅ การเขียนเนื้อหา (Content Optimization)
- ใช้คีย์เวิร์ด ใน Title, Meta Description, หัวข้อ H1, H2, H3 และในเนื้อหา
- เขียนเนื้อหา คุณภาพสูง มีประโยชน์ และตอบโจทย์ผู้ใช้
- ความยาวบทความควรอยู่ที่ 1,000+ คำ และมี รูปภาพ, วิดีโอ, อินโฟกราฟิก
- ใช้ Internal links (ลิงก์ภายใน) เพื่อเชื่อมโยงบทความที่เกี่ยวข้อง
- ใช้ External links (ลิงก์ภายนอก) ไปยังเว็บไซต์ที่มีความน่าเชื่อถือ
✅ การปรับแต่ง Meta Tags
- Title Tag: ใช้คีย์เวิร์ดหลักและมีความยาว 50-60 ตัวอักษร
- Meta Description: คำอธิบายสั้น ๆ ที่มีคีย์เวิร์ดและมีความยาว 150-160 ตัวอักษร
✅ การเพิ่มความเร็วของเว็บไซต์ (Page Speed Optimization)
- ใช้เครื่องมือเช่น Google PageSpeed Insights
- บีบอัดรูปภาพให้เล็กลงด้วย TinyPNG หรือ Imagify
- ใช้ Lazy Load เพื่อลดเวลาการโหลดรูปภาพ
- เปิดใช้งาน Caching เช่น WP Rocket หรือ LiteSpeed Cache
2. Off-Page SEO (การทำ SEO ภายนอกเว็บไซต์)
เกี่ยวข้องกับการสร้าง ความน่าเชื่อถือ และ Backlinks เพื่อเพิ่มอันดับใน Google
✅ การสร้าง Backlinks (ลิงก์ย้อนกลับ)
- Guest Posting: เขียนบทความบนเว็บไซต์อื่นที่มีความน่าเชื่อถือ
- Social Media Sharing: แชร์บทความของคุณบน Facebook, Twitter, LinkedIn
- Directory Submission: ส่งเว็บไซต์ไปยังไดเรกทอรีที่เกี่ยวข้อง เช่น Dmoz, Yelp
- Broken Link Building: ค้นหาลิงก์ที่เสียในเว็บไซต์อื่น แล้วเสนอเนื้อหาของคุณแทน
✅ การทำ Local SEO (สำหรับธุรกิจท้องถิ่น)
- สมัครใช้งาน Google My Business
- ใช้คีย์เวิร์ดท้องถิ่น เช่น “ร้านกาแฟ กรุงเทพ”
- ขอให้ลูกค้ารีวิวใน Google Maps
3. Technical SEO (การปรับแต่งด้านเทคนิค)
เน้นการปรับปรุง โครงสร้างเว็บไซต์ และ การทำให้ Google เข้าใจเว็บไซต์ได้ดีขึ้น
✅ การปรับแต่ง URL ให้เป็นมิตรกับ SEO (SEO-friendly URLs)
- ใช้ URL ที่สั้นและมีคีย์เวิร์ด เช่น www.example.com/seo-tips
- หลีกเลี่ยงอักขระพิเศษและตัวเลขที่ไม่จำเป็น
✅ การสร้างไฟล์ Sitemap และ Robots.txt
- ใช้ Yoast SEO หรือ Rank Math เพื่อสร้างไฟล์ Sitemap.xml
- อัปโหลดไฟล์ Sitemap ไปที่ Google Search Console
- ตั้งค่า robots.txt เพื่อให้ Googlebot เข้าใจว่าควรสำรวจหน้าไหน
✅ การทำ Mobile Optimization (รองรับมือถือ)
- ตรวจสอบด้วย Google Mobile-Friendly Test
- ใช้ Responsive Design เพื่อให้เว็บไซต์ดูดีบนมือถือ
✅ การใช้ Schema Markup (โครงสร้างข้อมูล)
- เพิ่ม Schema เช่น Breadcrumb, FAQ, Review, Article เพื่อเพิ่ม CTR
- ใช้ Schema.org หรือปลั๊กอิน Schema Pro
สรุป
✅ On-Page SEO → ปรับแต่งเนื้อหา, คีย์เวิร์ด, Title, Meta Tags, ความเร็วเว็บไซต์
✅ Off-Page SEO → สร้าง Backlinks, แชร์บนโซเชียล, รีวิวธุรกิจใน Google
✅ Technical SEO → ปรับ URL, Sitemap, Mobile-Friendly, Schema Markup
หากทำครบทุกขั้นตอนนี้ เว็บไซต์ของคุณจะมีโอกาสติดอันดับ Google ได้ง่ายขึ้น

