Canonical Tag คืออะไร?

🔹 การใช้งาน Canonical Tag สำหรับทำ SEO อย่างละเอียด

📌 Canonical Tag คืออะไร?

Canonical Tag (rel=”canonical”) เป็นแท็กที่ใช้บอก Search Engine ว่า URL ใดคือ URL หลักที่ต้องการให้จัดอันดับ ในกรณีที่มี เนื้อหาซ้ำซ้อน (Duplicate Content) หรือ URL หลายแบบที่แสดงเนื้อหาเดียวกัน

🔹 Canonical Tag มีประโยชน์ต่อ SEO อย่างไร?
✅ ป้องกันปัญหา Duplicate Content
✅ รักษา Link Equity (ค่าพลังของลิงก์) ไปยัง URL หลัก
✅ ช่วยให้ Search Engine จัดอันดับเว็บไซต์ได้ถูกต้อง
✅ ป้องกันปัญหา URL ที่แตกต่างกันแต่มีเนื้อหาเดียวกัน เช่น www กับ non-www, HTTP กับ HTTPS


🔹 ตัวอย่างการใช้งาน Canonical Tag ใน HTML

📌 ใส่ใน <head> ของหน้าเว็บ

html
<link rel=”canonical” href=”https://www.example.com/main-page”>

 

หลักการทำงาน:

  • บอก Google ว่า URL หลักที่ต้องการให้จัดอันดับคือ https://www.example.com/main-page
  • หาก Google พบ URL อื่นที่มีเนื้อหาเดียวกัน เช่น https://example.com/main-page หรือ https://www.example.com/main-page?ref=abc
    → Google จะถือว่า https://www.example.com/main-page เป็นหน้าเว็บหลัก

🔹 สถานการณ์ที่ควรใช้ Canonical Tag

1. URL หลายรูปแบบ แต่เนื้อหาเดียวกัน

📌 กรณีที่ URL แตกต่างกันเล็กน้อยแต่มีเนื้อหาเดียวกัน เช่น

  • https://www.example.com/page
  • https://example.com/page
  • https://www.example.com/page?ref=abc

📌 ให้ใช้ Canonical Tag เพื่อระบุ URL หลัก

html
<link rel=”canonical” href=”https://www.example.com/page”>

 


2. เว็บไซต์ที่มี HTTP และ HTTPS

📌 ถ้ามีทั้งเวอร์ชัน HTTP และ HTTPS และต้องการให้ Google จัดอันดับเฉพาะ HTTPS

html
<link rel=”canonical” href=”https://www.example.com”>

 


3. เว็บไซต์ที่รองรับทั้ง www และ non-www

📌 หากเว็บไซต์สามารถเข้าถึงได้ทั้ง www.example.com และ example.com

html
<link rel=”canonical” href=”https://www.example.com”>

 


4. เว็บไซต์ที่ใช้ Pagination หรือแบ่งเนื้อหาเป็นหลายหน้า

📌 เช่น บทความแบ่งเป็นหลายหน้า:

  • https://www.example.com/article?page=1
  • https://www.example.com/article?page=2

📌 ให้ใส่ Canonical Tag ไปที่หน้าแรก

html
<link rel=”canonical” href=”https://www.example.com/article”>

 


5. เว็บไซต์ที่ใช้ AMP (Accelerated Mobile Pages)

📌 ถ้ามีทั้งหน้าเว็บปกติและเวอร์ชัน AMP

  • หน้าเว็บปกติ: https://www.example.com/page
  • หน้า AMP: https://www.example.com/page/amp

📌 ในหน้า AMP ให้ใส่ Canonical Tag ไปที่หน้าเว็บหลัก

html
<link rel=”canonical” href=”https://www.example.com/page”>

 

📌 ในหน้าเว็บหลักให้ใส่แท็ก AMP

html
<link rel=”amphtml” href=”https://www.example.com/page/amp”>

 


🔹 Canonical Tag กับ Redirect 301 ต่างกันอย่างไร?

Canonical Tag Redirect 301
บอก Google ว่า URL ใดคือเวอร์ชันหลัก เปลี่ยนเส้นทางไปยัง URL อื่น
ผู้ใช้ยังสามารถเข้าถึงทุก URL ได้ ผู้ใช้ถูกเปลี่ยนเส้นทางไปที่ URL ใหม่ทันที
ใช้กรณี URL ที่มีเนื้อหาซ้ำกัน ใช้เมื่อ URL เก่าไม่ต้องการใช้งานแล้ว

📌 ใช้ Canonical Tag เมื่อต้องการให้ URL ยังคงเข้าถึงได้ แต่ต้องการให้ Google จัดอันดับเฉพาะ URL หลัก
📌 ใช้ Redirect 301 เมื่อต้องการให้ผู้ใช้และ Search Engine เปลี่ยนเส้นทางไปยัง URL ใหม่ถาวร


🔹 วิธีตรวจสอบว่า Canonical Tag ทำงานถูกต้องหรือไม่?

✅ ใช้ Google Search Consolehttps://search.google.com/search-console
✅ ใช้ Google URL Inspection Tool เพื่อตรวจสอบว่า Google รู้จัก Canonical URL หรือไม่
✅ ใช้ SEO Tools เช่น Screaming Frog หรือ Ahrefs เพื่อตรวจสอบ Canonical Tags


🔹 ข้อผิดพลาดที่ควรหลีกเลี่ยง

🚫 อย่าใช้หลาย Canonical Tags ในหน้าเดียวกัน
🚫 อย่าใส่ Canonical Tag ไปยัง URL ที่ไม่มีอยู่จริง (404 Page)
🚫 อย่าใช้ Canonical Tag ข้ามเว็บไซต์ (ข้ามโดเมน) หากไม่จำเป็น
🚫 อย่าใช้ Canonical Tag กับหน้าเว็บที่ต้องการติดอันดับแตกต่างกัน (เช่น หน้าเวอร์ชันภาษาอังกฤษกับไทย)


🔹 สรุป

Canonical Tag ใช้เพื่อบอก Google ว่า URL ใดเป็น URL หลัก
ช่วยป้องกันปัญหา Duplicate Content และรักษาค่าพลัง SEO ของลิงก์
ใช้งานง่ายโดยเพิ่ม <link rel=”canonical”> ใน <head> ของ HTML
ตรวจสอบ Canonical Tag ผ่าน Google Search Console และ SEO Tools

📌 Canonical Tag เป็นหนึ่งในเทคนิคสำคัญที่ช่วยให้เว็บไซต์ของคุณมีโครงสร้างที่ชัดเจนและเพิ่มโอกาสในการติดอันดับที่ดีขึ้นใน Google 🚀

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *